วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ) 7 วัน โดยใช้ Kansai-Hokuriku Area Pass (วันที่ -3) - Nara - Kobe

แปปเดียวผ่านมา 2 วันแล้ว นะครับ
วันนี้ตามแผน ตาตี่สี่ตา จะตื่นแต่เช้าไปเที่ยว โกเบ 

แล้วแวะมากินเนื้อโกเบมื้อเที่ยง
ที่ ร้าน steakland อันโด่งดัง 

จากนั้น จึงค่อยไปเที่ยวนารา แล้วค่อย วกกลับมาเก็บบรรยากาศ
 ยามค่ำคืน ที่ อ่าวโกเบ

แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจาก การเดินทางที่ผ่านมา 2 วัน ทำให้ร่างกาย

มันประท้วง + มีไข้อ่อนๆ

อีกทั้ง ตอนจะลุกมันก็ ขอนอนต่อเอาดื้อๆ
ทำให้เราต้องมีการปรับแผนกันหน้างาน เนี่ยแหละ
(แต่ก็อย่างว่า การไม่ fix อะไรมากเกินไป เนี่ยแหละมีนคือความสบายของการเที่ยวเอง)


เราจึงต้อง ดริบแผนกันใหม่หมด
เพราตื่นก็ จะ 11 โมงแล้ว

เริ่มจาก เดินทางไปกินเนื้อโกเบ อันเลื่องลือ ก่อนจาก osaka > kobe
ถ้าเรานั่ง shinkansen จาก shin-osaka > shin-kobe ใช้เวลา แค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง

ซึ่งตามแผน ตาตี่สี่ตา ก็จะไป เส้นทางนี้แล้วเดิน 
เที่ยวลงมาที่ สถานี sannomiya
แล้วค่อยมองหา ร้าน steak land ว่ามันอยู่แถวไหน

แต่เมื่อแผนปลี่ยนไป 

เราจึง ปรับการเดินทาง ไปลงที่ สถานี sannomiya เลย
แต่ว่าเราต้องไปเริ่มที่สถานี Osakaกัน

ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที่ ก็ถึง

แต่เดินวนหลงหาตั้งนาน

โชคดีที่ google map มันไม่หลอกเรา
( ชอบคุณ เทคโนโลยี แต่ก็ใช้เวลาพอสมควร)

เจอแล้นนนนนนนนนน

ไปอ่านเต็มๆ กันด้านล่างเลยครับ
รีวิว ร้านอาหาร steakland + วิธีเดินทาง

หลังจากเราเจอของอร่อยแสนประทับใจกันไปแล้ว
ก็ต้องรีบไปนารา กันแล้วล่ะครับ

เนื่องจาก กลัว วัดพระใหญ่จะปิด
ส่วนการเดินทางน่ะเหรอ

นั่งกันยาวๆ 1 ชั่วโมง
สักพักเราก็จะถึงสถานี nara

ให้เดินออกมาข้างหน้าเรื่อยๆ

โดยการเดินทางในเมือง นารา จะใช้รถบัสเป็นหลัก

ค่าตั๋วจะอยู่ที่ รสบัส (1-Day Pass) ราคา 500 เยน /ราคาต่อเที่ยว  200 เยน

เวลาใช้แล้วจะมีลงวันที่ไว้

(ไม่ได้ถ่ายไว้ copy เค้ามา 555)
ถ้าพูดถึงนารา ใครไม่เจอกวาง หรือ วัดพระใหญ่ ถือว่ายังมาไม่ถึง
เพราะฉะนั้น เราต้องไป !!!!!

 เพราะ ??? 
อะไรน่ะ เร๋อออออ
(เพราะเราอยากถึงเหอๆ )
หลังจากมีตั๋ว เรียบร้อย เราก็นั่ง รถบัส 
ไปลงที่สถานี Daibutsuden kasuga taisha mae

ลงมาจะงงๆ หน่อยไม่ต้องตกใจ ให้มองฝูงชนเข้าไว้

นั่นไง!!! ขาดคำที่ไหน
น้องกวาง โผล่มา
 เหมือน สัตว์เลี้ยงบางอย่างแถวบ้านเรา
 (หมานั่นแหละ !!!)
มองหา วัดพระใหญ่ ก่อน เราก็จะเดินๆๆ
 เข้าไปจะเจอประตูใหญ่

ในรูปคือที่ เค้า กำลังสร้างนั่นแหละ  แต่นี่คือด้านหลัง
(ด้านหน้า ไม่ได้ถ่าย รีบจัด ถ้าจำไม่ผิด เดินเข้าปุ้บ ประตูปิดปั้บเลิกขายตั๋วทันที)

โชว์ ตั๋ว ซะหน่อย เสียค่าเข้า คนละ 500 เยน

ข้างๆ ประตู จะมีรูปปั้น เทพ เฝ้าประตู

ความเท่ แตกต่างกันอยู่ นะ
(อย่าถามชื่อ เพราะไม่รู้เหมือนกัน )


ผ่านประตูมาเราก็เดิน มุ่งตรงเข้าไปเลยยยย

นี่แหละตัว วัดพระใหญ่
เดินเข้าไป จะเจอ พระใหญ่ !!!!

อยู่ ทางเข้าเลยครับ

ลองเทียบกับคน สิ้  ว่าใหญ่แค่ไหน

หรือ เพิ่มระดับ สเกล ความใหญ่ เข้าไป อีก

มีป้ายให้เราซื้อเขียน ขอพร ด้วยนะครับ

เดินดูสักพัก เอาให้อิ่มใจ เราก็ถึงเวลาต้องออก

ซึ่งทางออกจะอยู่ คนละทางกับทางเข้า

เชื่อมั้ยว่าการมาวัดพระใหญ่ ครั้งนี้ 
ตาตี่สี่ตา จะตัดออกจากโปรแกรม
เรียบร้อยแล้ว 

เพราะจากการหาข้อมูล ใน internet นั้น เมืองนารา เหมือนไม่มีอะไร
(ซึ่งคิดผิดมหันต์)

แต่การมาวัดพระใหญ่ครั้งนี้  ตาตี่สี่ตา 
ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ

บางทีรูปถ่าย กับการ มาเห็นด้วยตา 
คนละเรื่องๆ จริงๆ

ใครที่กำลังลังเล อยู่ 
จัดวัดนี้ ลงไปในโปรแกรมเลยครับ

ตาตี่สี่ตา ขอ !!!!!
(อ้อนวอนก็ยอม)

ออกมาก็เจอ น้องกวาง มาส่งลา 
เพื่อเราจะได้ จากนารา ไป ซะที
(โชคไม่ดี เงินไม่มีให้ขนมเซมเบ้)

 เราก็นั่งรถบัสกลับ มาที่ JR กัน 
เพื่อที่จะไป โกเบ 
(อีกสักครั้ง T_T)

ไปครับ ไหนๆ เนื้อโกเบ ก็กินไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องรีบ
เดินทางกันยาวๆ 

คล้อยไม่นาน ก็ ถึง

อันดับแรก เราจะไปถ่ายรูปกับ หุ่นยนต์เหล็ก Tetsujin หมายเลข 28
(Landmark เลยนะ เฟ้ยยย )

โดยต่อรถ จาก สถานี sannomiya > shin nagata

ให้เดิน ออกมาทางออก Exit  1 อ้อมตึกมา นิด

ก็จะเจอ
(หนาวมากกกกกกก)

อั้ก ความหนาว เข้า ถาโถม
ยิ่งใหญ่ อลังการสมคำร่ำลือ

เก็บ RC ที่ 1 ได้แล้ว

ต้องไป ต่อ
จุดที่ต้องไปถ่ายรูป ยามค่ำคืน

ของ โกเบบบบบ คือออออออออออ
(พูดดดด)

ตึกที่ประดับไปด้วยไฟต่าง  
ย่านท่าเรือ หรือ kobe port tower นั่นเอง

ให้เดินทาง จากสถานี
Shin nagata > kobe

จากนั้นให้เดินขึ้นไปที่ ห้าง mosiac

          ใช้เวลาสักพัก
( แต่ความหนาว ไม่อยากใช้เวลากับมันเลยยย)

เริ่มเห็นห้างละ

มีป้าย Mosaic ละชิงช้าสวรรค์แล้ววว
(ไหน ล่ะที่มุมที่เค้าถ่ายกัน ??)
((ใจเย็น มันต้องเข้าไปอีก หนาวก็ทน เพราะเรามาไกล))

เดินเข้าไปเรื่อยๆ
ก็จะเจอ

ในที่สุดดดดดดดด เราก็เจอออออ

เสพย์ บรรยากาศ ยามค่ำคืนให้เพียงพอ
(ที่ยอมทนหนาวเพราะ สิ่งนี้)

สวยจริง ไรจริง
แต่คืนนี้ไม่ไหวแล้ว ต้องรีบกลับ ไปพักผ่อน
เพราะพรุ่งนี้ ตาตี่สี่ตา จะไป เล่น หิมะ กัน แล้วววว

ที่ไหน นะเร๋อออ ชิราคาวาโกะ น่ะเสะ!!!

ร่ำลากันที่ภาพมุมไกลของอ่าวละกันครับ

โอ้ว หิมะ จงมา  !!!!!!!!

>>>>เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ) 7 วัน โดยใช้ Kansai-Hokuriku Area Pass (วันที่ -4) - Shirakawago <<<<

วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ) 7 วัน โดยใช้ Kansai-Hokuriku Area Pass (วันที่ 2) - Kurashiki - Okayama - Himeji

โอ้ยเช้า แล้วหรือนี่ ทำไมมันยังไม่อยากตื่นเลยยยยย
(เมื่อยยยยยยย)

แต่มาไกลขนาดนี้ ชีวิตต้องสู้ต่ออออออไปปป
วันนี้ตามแผน ตาตี่สี่ตา จะไปเที่ยว สถานที่ 3 แห่งคือ

Kurashiki – หมู่บ้านโบราณ
Okayama – ปราสาท อีกาดำ
Himeji – ปราสาท พิราบขาว

เนื่องจาก ว่าแล้วก็ ไปต่อรถไฟ ไปที่ kurashiki ก่อนเลย
ออกจากที่พักประมาณ 9 โมง เพราะไม่ค่อยอยากตื่นเท่าไหร่
โดยจะนั่งรถไฟจาก shin osaka > okayama > kurashiki

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

ระหว่างทาง เจอร้านขาย ซูชิ อยู่ในสถานี Shin osaka

เลยจัดซะ

ให้ทาย ราคาเท่าไหร่ ????

ประมาณ 1 พันเยน เท่านั้นเองง 
(คิดเงินไทย 3 ร้อยกว่าบาท)

กระซิบเลยว่า อร่อยโฮก
(เพิ่งรู้ว่าเนื้อนุ่มเคี้ยวขาดง่ายมันเป็นอย่างไร)

ของที่นี่เค้าสดดีจริงๆ หวาน กลมกล่อม

โดยรถไฟที่เรานั่ง เค้าก็เหมือนจะรู้ใจ เราจริงๆ

เตรียมที่กินไว้ให้เสร็จสรรพ


ดึงลงมา เราก็จะมี ที่วางของ หรือ กินข้าว นั่นเอง


หลังจากดื่มด่ำกับ อาหารเรียบร้อย
ก็นั่งชมวิว ไปพลางๆ

เอาล่ะถึงสถานี Okayama เรียบร้อย

เราก็ต้องลงไปเปลี่ยน ขบวนรถไฟ  

จาก Okayama > Kurashiki


ใช้เวลาเดินทางไม่นาน

รถไฟเลยไม่มีที่วาง อาหาร

ก็นั่งชมวิวไปเพลินๆ

มาถึงล้าวววววว

ออกจากสถานี เราจะเดินกันต่อ เพื่อไปสถานที่ท่องเที่ยว ย่านเมืองเก่า เลียบคลองนั่นเอง


โดยตามแผนที่ เดินตรง ออกจาก JRไปประมาณ 3ไฟแดง เลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วครับ


ระหว่างที่เดินก็จะมีป้ายบอก ตลอดทาง ไม่ต้องกลัวหลง


อากาศ กำลังดี เดินไม่เหนื่อย

แปปเดียวก็ถึง


ถนนด้านหลังนี่แหละ ทั้งสาย ใช่เลย


เจอร้านขายของกิน แต่งร้านสวยดี
(ดูแล้วเป็น ญี่ปุ้นนน ญี่ปุ่น ชอบ)


เราก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อยๆ ไป


อันนี้เป็น พิพิธภัณฑ์


ส่วนนี่เป็นโรงแรม
(นึกถึง ฮอกวอร์ต )

โอ้ใช่ สถานทีนี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องกางเกงยีนส์ด้วยนะ
(แต่ราคา โหดใช้ได้)


มีทั้งเป็น ตุ้กตา และ กระเป๋า

ใช้เวลา ประมาณ ชั่วโมงนึงก็น่าจะอิ่มแล้วล่ะ


คนมากันคึกคักมาก

ถึงเวลาต้องจำจาก เราก็หันหัวเดินทางกลับมา ทางเก่า

ที่เรามานั่นแหละ

เจอเหมือนสวนสาธารณะ เรียบร้อยสะอาด ดีจริงๆ

ต่อไปเราจะไป okayama

เราก็ไปนั่งรถไฟ JR จาก Kurashiki > Okayama กัน


พอถึงแล้วเดินออกมาจากสถานี

เราจะเจอ รูปปั้นโมโมทาโร่


พอเดินออกจากสถานี JR มาแล้วให้เราข้ามถนน

เพื่อไปขึ้นรถราง ต่อไปที่ปราสาท Okayama กัน

ค่าโดยสาร 200 เยน

หรือถ้าใครอยากเดิน ชมเมือง ก็ไม่ว่ากัน
(ตาตี่ขอ ขึ้นละกัน ขี้เกียจ เหอๆ)


โดยเราจะนั่งจากสถานี Okayama > Shiroshita

ตามเส้นทางสายสีเขียว


คนเริ่มมารอคิว กันละ


พอเรามาถึง สถานี Shiroshita ก็ให้เดินข้ามแยกไฟแดงขึ้นมาอีกหน่อยนึง


ก็จะเห็น คลองน้ำ ส่วนปราสาทอยู่ทางขวา

ทางซ้ายที่ต้องข้ามสะพานไปเป็นสวน โคระกุเอน

ทางฝั่งสวน โคระกุเอน จะมีร้านกาแฟ และก็เป็ดให้ ถีบด้วยนะ

แต่มันหนาวมาก ชิลไม่ไหว T-T


เริ่มเห็นตัวปราสาท ละ เริ่มมีเสียงอีกา แว่วๆ มาด้วย

เข้าไปด้านในกันเลย

ถึงแล้น ปราสาทอีกาดำ

สวยงามสมราคา


ป่ะ ซื้อตั๋ว เข้าชมในปราสาทกัน

ค่าเข้าชมปราสาทโอกายาม่า (Okayama Castle)  300 เยน

 เวลาเปิด-ปิด: 9:00 - 17:30


เดินขึ้นไปชั้นบนสุดก่อนเลย

มุมนี้จะเห็นเมือง


ส่วนทางนี้จะเป็น สวน ดูแล้ว ดอกไม้ไม่เหลือเลย ร่วงหมดแล้ว

ระหว่างนั้นก็เดินลงมาเรื่อยๆ


รูปภูติผี ที่แปะอยู่ข้างฝา

เหลือบไปเห็น เจอ ชุดกิโมโน ให้ใส่ฟรี

จัดสิครับ ของฟรี ตาตี่สี่ตา มี เหรอ จะพลาด
(ฮัลโหล ซามูไร)


เสร็จสิ้น ภารกิจ
กับปราสาทอีกาดำ

จากนั้นก็เดินทางไปต่อ Himeji กัน

โดยกลับทางเดิมเนี่ยแหละ

เพื่อไปต่อรถที่สถานี JR

จาก Okayama > Himeji


ประมาณ 20 นาทีก็ถึง

ออกจากสถานี JR มาเราก็จะเดิน ไปปราสาทกัน


มองจะอยู่ไกลๆ

อย่าเพิ่งถอดใจ



เดิน ชมวิวไปเรื่อย เด่วก็ถึง


ยังไม่ทันเหนื่อย เราก็เห็น ทางผ่านประตูแล้ว


พอผ่านเข้ามาก็จะเจอ ลานโล่ง เห็นตัวปราสาทได้ชัดเจน


ใหญ่โตสุดๆ คนสมัยก่อนสร้างได้เว่อวังมาก

ตาตี่สี่ตา ไม่ได้เข้าปราสาท เนื่องจากมันเย็น แล้ว



สะอาด เรียบร้อย เป็นระเบียบ โลโก้เค้าจริงๆ
ถึงแล้ว ปราสาท พิราบขาว
พร้อมกับความหนาว
ที่เพิ่มขึ้น

เรากลับไปเดินเล่น  ที่ โอซาก้า กันดีกว่า
โดยทางกลับ
เราจะเดินกลับอีกถนน อยู่ข้างๆ กันนั่นแหละ

แต่จะเป็น Shoping street


สงสัยเย็นไป ร้านค้า ทยอยปิดไปหมดเลย

แต่ทนพิษความหิวไม่ไหว

เจอร้านข้าวหน้าเนื้อเลยจัดซะเลย


เพราะความหิว รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่อร่อยมากกกกกกกก


ทำมาสวยงาม มีเนื้อพัน มีไข่ดิบโปะ

ฮึบ มีแรงแล้ว

ไปเดินเล่น โอซาก้ากันดีกว่า

กลับทางเดิม รถไฟ JR นั่นแหละ


ทะแด่ม ให้ต่อรถไฟใต้ดิน มาลง สถานี namba นะ

แล้วขึ้นมาเลย

เราไปเดินหา Landmark ก่อน

นั่นคือ ป้าย กูลิโกะ นั่นเอง


บอกเลยว่าคนเป็นมดเลยครับ


ใช้เวลาเดิน อยู่นี่ได้ยาวๆ เลย
(ดูรอบรถไฟรอบสุดท้ายด้วยนะ หมด เที่ยงคืน)


เดินไปเจอร่านทาโกะยากิ

คนต่อคิวร้านทาโกะยากิ ยาวมากกก

มีรึเราจะพลาด


คำเตือน กินแล้วจะลืมภาพ ทาโกะยากิ ที่ไทยไปเลยนะครับ

อร่อยจริง ดีจริง สมกับที่เค้าต่อคิวกัน

ว่าแล้ว น้ำย่อย เริ่มมา

เดี๋ยวเราไปเดินหา ร้าน ราเมงข้อสอบ ชื่อดังของ

โอซาก้ากันดีกว่า

เดี๋ยวเค้าจะว่ามาไม่ถึง


ร้านค้าที่นี่ ราคา ป้าย แบบนี้เยอนะ ถือว่าไม่แพง


อันนี้ ราเมงมังกร ยังไม่ช่ายยย
(ร้านนี้ก็ดัง)

หาร้านดองกี้ ริมคลองให้เจอ
(เหลืองๆในรูป)


ในรูปร้านจะอยู่ทางขวา


เจอแล้ว แต่นั่น คิว นะนั่นนนน
(อย่าชะล่าใจไป ฝั่งตรงข้าวแถวยาวเป็นขบวน)

เอ้า มาขนาดนี้แล้ว รอคิว สิคร้าบบบบ

แล้วเราก็ได้เข้าไป 

>>>>>>>>>>>.รีวิวราเมงข้อสอบ เจ้าดังโอซาก้า คลิก<<<<<<<<<<<<<

ได้อะไรร้อนๆท้อง มันก็ดีอย่างนี้

กลับที่พักไปนอนกันดีกว่าเนอะ

วันนี้ขอลาด้วยภาพนี้


ถนนสายนี้ ดี้ดี เดินได้ทั้งคืนจริงๆ

ส่วนวันที่ 3 เราจะไปกินเนื้อโกเบ 
และไปเดินเล่นดูกวางที่นารากัน 

อ่านรีวิวกันต่อที่ คลิ้ก link ด้านล่างได้เลยครับ