วันนี้สารภาพเลยว่า ตื่นสาย ครับ
น่าจะเป็นเพราะเมื่อวาน เดินมากเกินไป หรือว่า
เหนื่อยจากการเดินทาง ก็ไม่แน่ใจ
เลยทำให้ต้องออกช้ากว่ากำหนด แต่ก็ สบายๆ ครับ
ตาตี่สี่ตา
ก็ไม่ได้ รีบเร่งมากมายเรามาเที่ยว ชิลๆ (เนอะ) อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เราก็ออกเดินทางได้เลยครับ
โดยการเดินทาง เราจะใช้ รถไฟ JR จากสถานี SHINJUKU โดยปลายทางก็คือ
NIKKO นั่นเอง
โดยเราจะไปต่อรถ ที่ สถานี OMIYA จากนั้น ก็ สถานี
UTSUNOMIYA
การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ (เย้)
ระหว่างทางไปก็ ซื้อข้าวปั้น ขึ้นไปกินบนรถ
เนี่ยแหละครับ ง่ายดี
ขอนอกเรื่องเกี่ยวกับข้าวปั้นหน่อยนะครับ มัน
อร่อยมากกกกกกก
ข้าวอร่อย สาหร่ายกลมกล่อม ไส้ใน อาทิ ปลาดิบ
ไข่แซลมอล
หรือไข่หวาน มาแบบพอดี
พอกินกับข้าวช่วยชูรสกันยิ่งนัก
ถึงตอนนี้ ตาตี่สี่ตา
ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าอันไหนไส้อะไร สุ่มไปเรื่อยๆ เพื่อความแปลกใหม่
ซึ่งพอกับมาลองหากินที่ไทย ช่างแตกต่างกับที่ไทยโดยสิ้นเชิง
(แนะนำให้ลอง 555 )
พอถึงสถานี NIKKO ก็เดินออกมาเลี้ยวขวา
แล้วเดินตามทางเดินมาเรื่อยๆนะครับ ก็จะเจอ ที่ขายตั๋วรถบัสอยู่ทางขวา
เกริ่นให้ฟังก่อนการเดินทางใน NIKKO เราจะต้องใช้ รถบัส เพื่อไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
และทีท่องเที่ยวใน NIKKOนั้นสามารถเที่ยวได้ทั้งโซนน้ำตก ทะเลสาบ
หรือโซนมรดกโลก โดย ตาตี่สี่ตา เลือกไปที่โซนมรดกโลกโดยใช้บริการของ รถเมล์สาย World Heritage bus โดยเราสามารถเลือกขึ้นเป็นครั้ง หรือ
ซื้อพาส 1 วัน ราคา 500 เยน (ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้)ซึ่งจะพาเราไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ
ที่อยู่ในโซนมรดกโลกครับ และตาตี่สี่ตา เลือกซื้อพาส 1 วัน เพื่อความสะดวกครับ
แผนที่เส้นทางรถเมล์สาย World Heritage
bus
ก่อนที่จะขึ้นรถเมล์มาศึกษาเส้นทางรถเมล์ก่อนจะได้ลงป้ายถูก
แนะนำว่าควร print รูปนี้ไปด้วย เพราะแผนที่หลังบัตร One
day pass เป็นภาษาญี่ปุ่นอ่านไม่ออก
– ป้ายหมายเลข 1 : JR Nikko Station
(สถานีรถไฟ JR Nikko)
– ป้ายหมายเลข 2 : Tobu Nikko
Station (สถานีรถไฟ Tobu Nikko)
– ป้ายหมายเลข 81 : Hotel Seikoen
mae
– ป้ายหมายเลข 82 : Shodo shonin zo
mae
– ป้ายหมายเลข 83 : Omotesando (ศาลเจ้าโทโชกุ, วัดรินโนจิ, สวนโซโยเอ็น)
– ป้ายหมายเลข 84 : Nishi-Sando
– ป้ายหมายเลข 85 : Taiyuin
futarasan jinja mae (วัดไทยูอิน, ศาลเจ้าฟุตาระซัง)
– ป้ายหมายเลข 7 : Shinkyo (สะพานแดงชินเคียว)
ตามแผนที่วางไว้ ตาตี่สี่ตา จะไป ที่ ป้าย 83 ,85 และก็ 7
นะครับ
มาถึงแล้วครับ ป้าย 83 ศาลเจ้าโทโชกุ,วัดรินโนจิ,สวนโซโยเอ็น
เข้ามาเรื่อยๆ จะเห็นทางเดินเข้านะครับเดินเล่นๆ ชมวิว แปปเดียวก็ถึง
พอเดินได้มาถึงทางสามแยกเลี้ยวขวาจะเป็น วัดรินโนจิ ซึ่งต้องซื้อตั๋วเข้านะครับ(ไม่ได้เข้าเลยจำราคาไม่ได้ แฮ่ๆ)
วันที่ไป วัดกำลังปรับปรุงอยู่นะครับ แต่เค้าก็ดีนะ เอารูปมาให้ดูว่าลักษณะมันเป็นอย่างไร จะเล่าอะไรให้ฟังครับวันที่ไป ตาตี่สี่ตา ดันเจอกับหิมะ ซึ่งตอนแรกดีใจมากเลยครับ (ครั้งแรกในชีวิต บอกเลย ) แต่ความสุขมักสั้นเสมอ เดินไปเดินมา มันหนาว เปียก กลายเป็นทรมานแทน ซะงั้น เราก็เลยเดินไปหา ซื้อร่ม เพื่อบรรเทา ความเหน็บหนาวซะหน่อย ถามคนแถวนั้น ไอ้ด้านหน้าเค้าก็ชี้มา ที่นี่เลยยยยย ตาตี่สี่ตา เดินเข้าไป ฟุดฟิด ฟอไฟ เจ้าหน้าที่กลับพาเราเดินเข้าไปทัวร์ซะงั้น (งง เต็ก!!!! ) สรุปเจ้าหน้าที่ คิดว่าเราลืมร่ม เลยพาเดินหา แต่ที่ ขายร่ม มันดันอยู่ตรงที่ขายตั๋ว เหอๆตรงด้านซ้ายของรูป ที่เห็นแต่หลังคา นั่นแหละ (บอกแล้วภาษาเราสุดยอด 555) กลายเป็นโชคดีได้เดินเข้าไปดูด้านใน ฟรี ซึ่งเท่าที่มองผ่านๆ (แบบแอบๆ)ก็จะเป็น ข้าวเครื่องใช้ รูปปั้น อะไรพวกนั้น แหละครับ พอได้ร่ม แล้วก็กลับมา ทางเดินเราต่อ(ไปซะไกลเลย)
ผ่านประตูวัดเข้ามา เราก็ต้องไปซื้อตั๋วค่าชมก่อนนะครับ(จำราคาไม่ได้อีกแล้ว T-T)
สำหรับท่านที่กำลัง ลังเลว่าจะมาดีมั้ย คุณต้องมา !!!!!!!!! มันสวยมากๆครับ
เดินเพลิน จนลืมเวลา พอออกมา ก็เกือบ 4 โมงแล้วซึ่งใกล้เวลารถหมดมาก ทำให้ต้องตัด ป้ายหมายเลข 85 วัดไทยุอิน ออกเนื่องจากกลัว รถหมด เดี๋ยวเดินกันขาลากเลย(ดีไม่ดีอาจกลับไม่ถึงโตเกียว) ทำให่มุ่งหน้าไป ป้ายหมายเลข 7 สะพานแดงชินเคียว กันเลย
พอลงรถให้เดินกลับหลังมาแล้วมองทางซ้าย เราก็จะเจอแล้วนะครับ
สะพานแดงชินเคียว
สะพานศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหมือนกับประตูที่จะพาเข้าสู่ศาลเจ้าต่างๆ
ในนิกโก้ สะพานชินเคียวนั้นสร้างในปี 1636 และเป็นหนึ่งใน 3 สะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น
สวยจริงๆครับ NIKKO สมกับเป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อเป็น เมืองมรดกโลก พอชื่นชมกับความงามเต็มที่แล้วเราก็จะเดินทางกลับกันแล้วครับ โดยขึ้นรถกลับไปลง สถานีแรก ที่เราขึ้นรถมานั่นแหละครับ ช่วงนี้ยังมีเวลาระหว่างรอรถไฟออก ตาตี่สี่ตา เลยโต๋เต๋ แถวนี้ซะหน่อย
เดินไปเดินมาเห็น ร้านนึงเป็นผู้หญิงยืนขายขนม ควันโขมงอยู่หน้าร้าน อีกทั้งแอบมองเข้าไปมีพื้นที่หลบหนาวด้วย(ตัดสินใจไม่ยาก) เลยแวะมาหลบความหนาวโดยจิบชาร้อนๆ คู่กับ (เอิ่ม .... อ้าว มันคือไรหว่า เอาเป็นว่าขอเรียกว่าซาลาเปาไส้ถั่วแดงละกัน ) ซาลาเปาไส้ถั่วแดงซะหน่อย อากาศหนาวๆ นั่งกินซาลาเปา เนื้อเหนียวนุ่ม อุ่นๆ พร้อมกับ จิบชาร้อน เพิ่มความคล่องคอ แก้หนาว (โฮ่ย ฟินสุดๆ 5555)
และแล้วเราก็ถึงเวลาต้อง กลับโตเกียวกันแล้วเพื่อที่จะพักผ่อน เตรียมตัวไปดู ฟูจิ ในวันพรุ่งนี้ที่ คาวากูชิโกะกัน (เบ้ยยย) แต่ตอนนี้ ขอนั่งหลับในรถไฟ เก็บภาพเมืองมรดกโลกไว้ในหัวนานๆ หน่อยละกันเนอะะะ
ขากลับจะพาไปหาอะไรอุ่นๆกิน ที่ ร้านหม้อไฟรสจัด สามารถเลือกระดับความเผ็ดได้
>>>>> รีวิว Akakara @ Shinjuku ปิ้งย่าง นาเบะหม้อไฟ <<<<<<
>>>> เที่ยวญี่ปุ่น 3 วัน โดยใช้ Tokyo wild pass (วันที่ 3 - KAWAGUCHIKO ) <<<<
เข้ามาเรื่อยๆ จะเห็นทางเดินเข้านะครับเดินเล่นๆ ชมวิว แปปเดียวก็ถึง
พอเดินได้มาถึงทางสามแยกเลี้ยวขวาจะเป็น วัดรินโนจิ ซึ่งต้องซื้อตั๋วเข้านะครับ(ไม่ได้เข้าเลยจำราคาไม่ได้ แฮ่ๆ)
วันที่ไป วัดกำลังปรับปรุงอยู่นะครับ แต่เค้าก็ดีนะ เอารูปมาให้ดูว่าลักษณะมันเป็นอย่างไร จะเล่าอะไรให้ฟังครับวันที่ไป ตาตี่สี่ตา ดันเจอกับหิมะ ซึ่งตอนแรกดีใจมากเลยครับ (ครั้งแรกในชีวิต บอกเลย ) แต่ความสุขมักสั้นเสมอ เดินไปเดินมา มันหนาว เปียก กลายเป็นทรมานแทน ซะงั้น เราก็เลยเดินไปหา ซื้อร่ม เพื่อบรรเทา ความเหน็บหนาวซะหน่อย ถามคนแถวนั้น ไอ้ด้านหน้าเค้าก็ชี้มา ที่นี่เลยยยยย ตาตี่สี่ตา เดินเข้าไป ฟุดฟิด ฟอไฟ เจ้าหน้าที่กลับพาเราเดินเข้าไปทัวร์ซะงั้น (งง เต็ก!!!! ) สรุปเจ้าหน้าที่ คิดว่าเราลืมร่ม เลยพาเดินหา แต่ที่ ขายร่ม มันดันอยู่ตรงที่ขายตั๋ว เหอๆตรงด้านซ้ายของรูป ที่เห็นแต่หลังคา นั่นแหละ (บอกแล้วภาษาเราสุดยอด 555) กลายเป็นโชคดีได้เดินเข้าไปดูด้านใน ฟรี ซึ่งเท่าที่มองผ่านๆ (แบบแอบๆ)ก็จะเป็น ข้าวเครื่องใช้ รูปปั้น อะไรพวกนั้น แหละครับ พอได้ร่ม แล้วก็กลับมา ทางเดินเราต่อ(ไปซะไกลเลย)
ผ่านประตูวัดเข้ามา เราก็ต้องไปซื้อตั๋วค่าชมก่อนนะครับ(จำราคาไม่ได้อีกแล้ว T-T)
สำหรับท่านที่กำลัง ลังเลว่าจะมาดีมั้ย คุณต้องมา !!!!!!!!! มันสวยมากๆครับ
พอลงรถให้เดินกลับหลังมาแล้วมองทางซ้าย เราก็จะเจอแล้วนะครับ
สะพานแดงชินเคียว
สะพานศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหมือนกับประตูที่จะพาเข้าสู่ศาลเจ้าต่างๆ
ในนิกโก้ สะพานชินเคียวนั้นสร้างในปี 1636 และเป็นหนึ่งใน 3 สะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น
สวยจริงๆครับ NIKKO สมกับเป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อเป็น เมืองมรดกโลก พอชื่นชมกับความงามเต็มที่แล้วเราก็จะเดินทางกลับกันแล้วครับ โดยขึ้นรถกลับไปลง สถานีแรก ที่เราขึ้นรถมานั่นแหละครับ ช่วงนี้ยังมีเวลาระหว่างรอรถไฟออก ตาตี่สี่ตา เลยโต๋เต๋ แถวนี้ซะหน่อย
เดินไปเดินมาเห็น ร้านนึงเป็นผู้หญิงยืนขายขนม ควันโขมงอยู่หน้าร้าน อีกทั้งแอบมองเข้าไปมีพื้นที่หลบหนาวด้วย(ตัดสินใจไม่ยาก) เลยแวะมาหลบความหนาวโดยจิบชาร้อนๆ คู่กับ (เอิ่ม .... อ้าว มันคือไรหว่า เอาเป็นว่าขอเรียกว่าซาลาเปาไส้ถั่วแดงละกัน ) ซาลาเปาไส้ถั่วแดงซะหน่อย อากาศหนาวๆ นั่งกินซาลาเปา เนื้อเหนียวนุ่ม อุ่นๆ พร้อมกับ จิบชาร้อน เพิ่มความคล่องคอ แก้หนาว (โฮ่ย ฟินสุดๆ 5555)
และแล้วเราก็ถึงเวลาต้อง กลับโตเกียวกันแล้วเพื่อที่จะพักผ่อน เตรียมตัวไปดู ฟูจิ ในวันพรุ่งนี้ที่ คาวากูชิโกะกัน (เบ้ยยย) แต่ตอนนี้ ขอนั่งหลับในรถไฟ เก็บภาพเมืองมรดกโลกไว้ในหัวนานๆ หน่อยละกันเนอะะะ
ขากลับจะพาไปหาอะไรอุ่นๆกิน ที่ ร้านหม้อไฟรสจัด สามารถเลือกระดับความเผ็ดได้
>>>>> รีวิว Akakara @ Shinjuku ปิ้งย่าง นาเบะหม้อไฟ <<<<<<
จากนั้นมาลุยต่อวันที่ 3 กัน
รบกวนสอบถามค่ะ สายรถไฟนี่ใช้บัตร Tokyo wide pass ได้ทั้งหมดจนไปถึง Nikko เลยรึป่าวคะ
ตอบลบใช้ได้ทั้งหมด ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเลยครับ
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบรายละเอียดชัดเจนมากครับ ขอตามรอย ขอบคุณมากครับ
ตอบลบ