วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559

เที่ยวญี่ปุ่น 3 วัน โดยใช้ Tokyo wide pass (วันที่ 3) – CHUREITO PAGODA – KAWAGUCHIKO

            ผ่านการเดินทางอันเหน็ดเหนื่อย หลังจากไปเจอ หิมะ อันหนาวเหน็บ เมื่อวาน ดังนั้นวั้นนี้เราต้องหาที่พักพิงอุ่นๆ หน่อย  เช่น ภูเขาไฟฟูจิ  (ดูดิ้จะอุ่นมั้ย) 

โดยแผนการเดินทางของเราวันนี้คือ แวะชมวิวที่ เจดีย์ชูเรโต ที่ สถานี Shimoyochida ก่อนจากนั้นค่อย เข้าไปที่ Kawaguchiko เพื่อล่องเรือ ขึ้นกระเช้า และชมวิวริมแม่น้ำ นั่นเอง


เราจะเริ่ม ที่สถานี Shinjuku นั่นเอง ใช้เวลาประมาณ  2 ชม. โดยเราต้องไปต่อรถที่สถานี Otsuki นะครับ

พอถึงสถานี Otsuki ก็เปลี่ยนมาขึ้นรถ Fujikyu กันนนนน



เอาล่ะมาถึงแล้วครับ สถานี Shimoyochida


จากนั้นเราเดินออกจากสถานี แล้วเลี้ยวไปทางขวา นะครับ จากนั้นเดินไปตามป้าย บอกทาง อาจต้องมองหานิดนึง แต่ว่าไม่ยากเกินความสามารถครับ 

หิมะยังละลายไม่หมด เลย แต่อากาศกำลังดีเลยครับ 15C.(พึ่งร้อนได้เท่านี้แหละ)


เดินผ่านบ้านคน ตามทางไปเรื่อยๆ จะเริ่มมองเห็น เจดีย์ อยู่บนๆ ทางขวา (ไกลมากกก)


ฟูจิ ซะหน่อย





เดินมาสักหน่อยก็จะเจอทางขึ้นแล้น 


ทำใจนิดนึงนะครับ อย่าเพิ่งท้อ กับสิ่งที่มองเห็น

มองจากตรงนี่ สถานีรถไฟ จะอยู่ทางซ้าย นะครับ ส้มๆ

เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แต่สู้ต่อ เว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


มองจากตรงนี้ลงไป จะเห็นภาพบ้านเมืองที่ปกคลุมด้วย หิมะ 


สวยจริงๆ นะ (คุ้มค่าเหนื่อย)

เจดีย์แดง แล้นนน

ยังๆๆ ยังนะครับ วิวมหาชนต้องขึ้นไปอีก


และแล้วที่ผ่านความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดก็ ประสบผลสำเร็จ 

ถึงแล้ว โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

สวยจริงๆ ครับ อากาศเย็นสบาย 

แวบแรกที่ขึ้นมาแล้วเห็นภาพนี้ มัน สวยสุดๆ เลยครับ

ถ้าไม่มาคุณพลาด แรงมากๆครับ

เอาล่ะชื่นชมเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปต่อกันครับ


เสาโทริอิ ระหว่างเดินลง 

เดินๆๆมาสักพักก็ มาถึงสถานี แต่แล้วก็มีเรื่อง เซอไพร้ เกิดขึ้นจนได้


พนักงานสถานี บอกว่า รถไฟเที่ยวต่อไป อีก 40 นาทีถึงจะมา 


รถใช้เวลาเดินทางไม่นาน แต่ รอน้านนน นาน 

ไม่เป็นไรครับ เราเดินหาไรกินแถวสถานี รอ ก็ได้ 

เอาล่ะ รถมาแล้ว เดินทางกันต่อได้ 


แปปเดียว ถึง แล้วครับ สถานี Kawaguchiko

จากนั้น เราก็เดินไปซื้อ ตั๋ว R Coupong  
เป็นตั๋วเหมาจ่าย นั่งรสบัส 2วัน+เรือ+กระเช้า ราคา 2300 เยน นะครับ



อุปกรณ์ พร้อมแล้ว เดินทางกันเลยยย


เราจะไปที่ เบอร์ 11 ตาม red line (เส้นสีแดง) เพื่อไปลงเรือ และขึ้นกระเช้า นะครับ



นั่งรถบัสมาสักพักให้ คอยสังเกตุ ดีๆนะครับ บอกเลยคนขับรถพูดแต่ภาษาญี่ปุ่น แถมบนรถ ไม่มีอะไรที่บอกเลยว่าถึงตรงไหนแล้ว โชคดีวันที่ไป คนไทยเยอะ เลยไม่ เลยป้าย 
(คนขับรถพูด น้ำเสียงเบื่อโลกสุดๆ)

ลงรถมากันเลยครับ


จากแผนที่ ก็แล้วแต่ตัดสินใจเลยครับ ว่าจะไปไหนก่อน 

ส่วน ตาตี่สี่ตา น่ะเรอะ ลงเรือก่อนครับ (กะว่าไปดู อาทิตย์ตก ด้านบน อิอิ )


มาถึงท่าเรือ ก็เช็ครอบเรือ ต้องรอ อีก 30 นาที (T-T)

เราก็เดินเล่นดูรอบๆไป แปปเดียว เรือก็มาแล้ว


เรือมาละ


นั่งเรือไปเรื่อยๆ บรรยากาศ ดีมากๆ ขมวิวสองข้างทาง ไปเรื่อยๆ


สะพานข้ามทะเลสาบ


โรงแรมที่อยู่ข้างๆ ทะเลสาบ


มาแล้ว ฟูจิกระทบผืนน้ำ รหว่างนี้บนเรือ คนลุกถ่ายรูปกันถ้วนหน้า 

ใช้เวลาประมาณ 30 นาที่ เราก็เข้าฝั่งมาแล้วนะครับ

จากนั้น ไปขึ้นกระเช้าต่อกันเลยครับ


ต่อคิวรอขึ้นกระเช้า กันเลยย


ถึงด้านบนแล้ว ครับ 


ไหนลอง คีบ ดูสิ้ 


ถ่ายกับ ทานุกิ และ กระต่าย Mascot ของที่นี่เค้า 


  ตัวการ์ตูนกระต่ายและทานุกิที่ถูกนำมาตกแต่งเหล่านี้ 
"ได้แรงบันดาลใจมาจากนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นเรื่อง คะชิคะชิยามะ (かちかち山
   
     โดยมีเนื้อเรื่องมีอยู่ว่า คุณตาคนหนึ่งจับทานุกิเจ้าเล่ห์ที่มาขโมยพืชผักในสวนบ่อยๆได้ จึงนำมาแขวนไว้ในบ้านและบอกกับคุณยายว่าให้ช่วยทำซุปทานุกิให้ 

  เมื่อคุณตาออกจากบ้านไปเจ้าทานุกิก็บอกกับคุณยายว่าหากคุณยายช่วยปล่อยมัน
ให้เป็นอิสระมันจะช่วยคุณยายตำข้าวและไม่รบกวนคุณยายอีก 
ด้วยความสงสารคุณยายจึงปล่อยมันลงมา 

  แต่ปรากฏว่ามันกลับใช้ที่ตำข้าวตีหัวคุณยายจนเสียชีวิต
และเอาคุณยายมาทำซุปให้ตากินแทน 

เมื่อตาทราบความจริงก็เสียใจมาก บังเอิญมีกระต่ายผู้รักความยุติธรรม
ตัวหนึ่งมาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น จึงอาสาช่วยแก้แค้นให้คุณตา 

ด้วยการทำทีขอให้ทานุกิช่วยแบกฝืนแลกกับเมล็ดถั่วเดินข้ามเขา 
แต่ระหว่างที่ทานุกิกำลังแบกฟืนนั้น 
กระต่ายก็แอบใช้หินจุดไฟจนเป็นเสียงดัง คะชิ คะชิ” 
(ถ้าบ้านเราคงเป็นเสียงดัง คลิก คลิก) 
และปล่อยให้ไฟไหม้หลังเจ้าทานุกิ 

วันต่อมาเจ้ากระต่ายทำทีมาเป็นขอโทษเจ้าทานุกิโดยนำพริกเกลือมาให้
แล้วบอกทานุกิว่าหากทาหลังจะทำให้แผลไฟไหม้หาย ทานุกิเชื่อจึงให้กระต่ายทาให้ 

ทำให้ทานุกิปวดแสบปวดร้อนจนทนไม่ไหวน้ำตาไหล เมื่อแผลของเจ้าทานุกิหายดี กระต่ายก็ทำทีชวนมันไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบ โดยกระต่ายต่อเรือของตนเองด้วยไม้ และให้ทานุกิต่อเรือตัวเองด้วยดินเหนียว แล้วก็ชวนกันพายเรือออกจากฝั่ง 

พายได้สักพักเรือของทานุกิก็ค่อยๆอ่อนตัวและจมลง ทานุกิขอความช่วยเหลือจากกระต่าย แต่กระต่ายไม่ยอมช่วยและบอกกับทานุกิว่า 
นี่เป็นสิ่งที่มันควรได้รับเมื่อเทียบกับสิ่งที่ทำกับคุณยาย 

ทานุกิจึงค่อยๆ จมน้ำลงพร้อมกับเรือดินเหนียว ท่ามกลางสายตาของกระต่ายที่มองดูเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งหมดบนเรือของตนเองเพียงลำพัง "

--------------------------------


หลังจากอิ่มหนำสำราญกับวิว เต็มที่แล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับ Shinjuku กันแล้วและนี่ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะสามารถใช้ TOKYO WILD PASS เดินทาง ก็คิดว่า คุ้มค่าแล้วล่ะ (โฮะ ๆ)


ลาก่อนนะ ฟูจิ ไว้มีโอกาส จะมาหาอีก
(ถ้าไม่มีก็จะพยายาม หา 555 )
--------------------------------------

วันนี้จะพาไปปิดท้ายวัน ด้วยมื้ออุ่นๆ อีกมื้อ 
กับ สุกี้ยากี้ ต้นตำรับ แบบ บุฟเฟ่
สำหรับคนที่อยากลอง สุกี้ญี่ปุ่น
ที่  Nabezo @ Shibuya



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น