วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รีวิวหนังสือ ตั้งศูนย์ที่เลขสาม 30s


ดูจากหน้าปกแล้วก็คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับคนที่อายุ 30 (ตรูนี่แหละ แต่เลยมานิสสสส)

ส่วนด้านล่าง บอกว่าแม้จะเจอจุดหักเห เรื่องงาน เงิน ความรักหรือต้องตัดสินเรื่องใหญ่ๆในชีวิตแค่ไหน
 คุณก็จะเพลี่ยงพล้ำอีกไม่ได้แล้ว (พอดีเจ็บมาเยอะ ไหน ดูดิ้)

เปิดอ่านมาหน้าแรกสะดุดตา กับคำที่ว่า
บางทีคุณอาจไม่ใช่คนที่ตามหาหนังสือ แต่หนังสือต่างหากที่ตามหาคุณ
Credit : นัมอินซุก คนเขียน
(ถูกต้องคร้าบ แกตามเจอฉันนนน)

เปิดอ่านดูสักพักมันกลายเป็นว่าหนังสือเล่มนี้เขียนถึงคุณผู้หญิง
และคนเขียนเป็นนักเขียนแนวให้กำลังใจผู้หญิงมาอย่างโชกโชน 
(อ้าวเห้ย !!! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า)



แต่ก็อย่างว่า ซื้อมาแล้วก็ต้องอ่าน
(ถ้าปกมันบอกสำหรับผู้หญิง ตรูก็ไม่ซื้อ)

หนังสือเล่มนี้จะบอกว่า เมื่อ อายุ 30 แล้ว
อะไรที่ควรทำ อะไรที่ควรคิด อะไรที่ควรเป็น หรืออะไรที่ควรดู
โดยจะมีประมาณ 18 ข้อ

ขอยกตัวอย่างมาสัก 3 ข้อ
1 วัยสามสิบต้องโดดเดี่ยว (เพราะเป็นวัยที่เพื่อนไม่สำคัญที่สุดแล้ว )
2 อย่าสร้างศัตรู (เพราะว่าในอนาคต เราอาจต้องขอความช่วยเหลือจาก ศัตรู ซึ่งทำใจยากสุดๆ)
3 คุณอยากแต่งงานกับตัวเองมั้ย ( เพราะขนาดคุณยังไม่อยาก แล้วใครจะอยาก)

ทีเหลือ อีก 15 ข้ออ่านเอาในเล่มเองเหอะ เด๋ยวชาวบ้านจะหาว่าสปอยล์ 555

สรุป
ผู้หญิง(หรือผู้ชาย) ท่านใด ที่อายุเข้าใกล้หรือเลยเลข 30 ไปหน่อยๆ ที่ยัง งงๆ หรือ กำลังสับสน ว่า เห้ย นี่อายุปาไปขนาดนี้แล้ว ชีวิตควรเป็นแบบไหน หรือ รู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง แนะนำให้ลองหาอ่านดู เพราะหนังสือเล่มนี้จะช่วยสะกิด สิ่งที่คุณคิด หรือกำลังวางแผนจะทำในอนาคต ว่าคุณต้องการมันจริงๆรึเปล่า

ตกผลึกจากหนังสือได้ดังนี้
1 ความไม่ชัดเจนเป็นบุคลิกของ เด็ก ไม่ใช่ผู้ใหญ่

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รีวิว ร้านอาหารอุดรธานี UD-KINDEE (อยู่ดี-กินดี) ร้านไข่ระเบิดในตำนาน

 

จากร้านไข่ระเบิดในตำนาน สู่อุทยานแห่งธรรมะ อารยะธรรมห้าพันปี (เด่วๆๆๆ ผิดงานละเฟ้ย  )
555 เอาล่ะ เราเกริ่นนำเข้าเรื่องกันมาแล้ว (เกี่ยวไร แว้ )

เชื่อว่าถ้าใครอยู่ในยุคที่ ร้านเกมส์ internet cafe เพื่องฟู และทันได้เล่นเกม อาทิเช่น 

ragnarok(น่ารักฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งกระดิ่งแมว) 

 Ran online ( โรงเรียนนี้พี่รัก โรงเรียนอื่นไม่น่ารัก พี่ฆ่าไม่เลี้ยง)

Dot A ( เล่นไม่ดี กรู ตี นอกจอ)

และเป็นแฟนพันธ์แท้ร้านเกมส์ Internet Cafe แถวเส้นบ้านห้วย ย่อมต้องเคยผ่านการลองลิ้มชิมรส 
ร้านอาหารตามสั่ง เล็กๆ ตั้งโต้ะไม่กี่ โต้ะ ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน Internet Cafe ในโซนนี้อย่างแน่นอน

ทั้งๆที่ไม่มีป้ายชื่อร้าน แต่ทุกคนกลับพร้อมใจกันเรียกร้านนี้ในชื่อ
" ร้านไข่ระเบิด "
กันอย่างพร้อมเพรียง

แสดงให้เห็นว่า เมนูนี้ ฮอตฮิตติดลมบน จนถึงขั้นที่ทุกคนจำได้นั่นเอง

ครั้นเมื่อ ตาตี่สี่ตา ได้ข่าวว่า พ่อครัว ร้านไข่ระเบิดในตำนานนั้น ตกลง จะมาเป็นพ่อครัวให้กับร้านอาหารที่กำลังจะกลับมาเปิดใหม่ ในชื่อ UD-KINDEE นั้น

ตาตี่สี่ตา ก็ต้องไม่พลาดที่จะกลับมาย้อนวัย เพื่อรำลึกรสชาติ ครั้งกระนู้น สักหน่อย (หึหึ ๆๆ)


              ร้าน UD-KINDEE ถือกำเนิดขึ้นมาจากการที่เจ้าของร้านชื่นชอบรสชาติ
การทำอาหารของพ่อครัว ร้านไข่ระเบิด มากๆ 
จึงมีความคิดว่า อยากจะทำร้านที่เป็นที่นั่งดีๆ และเป็นที่ พบปะของผู้คนต่างๆ
ที่ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ นั่นเอง 

เนื่องจากแต่ก่อนรสชาติ อาหารอร่อย 
แต่สถานที่ไม่ค่อยอำนวยสักเท่าไหร่ 
จึงไปเทียวไล้เทียวขื่อ พ่อครัวอยู่นาน 
จนพ่อครัวรำคาญ เป็นอันตกลงปลงใจ มาจนได้
(อันนี้ เสริม 555 )


บรรยากาศหน้าร้าน จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ตกแต่งต่างสไตล์กัน


มุมทางซ้ายจะใช้ อิฐ ในการตกแต่ง เป็นลวดลาย


ส่วนมุมทางขวา จะตกแต่งห้องแนวเรียบๆ แต่ดูแล้วสวยงาม


สำหรับใครที่ยังนึกไม่ออกว่าร้านนี้อยู่ตรงไหน ลองดูจากแผนที่

ตาตี่แนะนำว่าให้เริ่มจากสี่แยกตลาดบ้านห้วย วิ่งไปทางโรงเรียนดอนบอสโก

พอข้ามสะพานให้มองขวาไว้ร้านจะอยู่ขวามือ

ร้านเปิด 10.00 - 21.00 น


ตาตี่สี่ตา ไม่รอช้า จัดพลพรรค มาเพื่อรำลึกความหลังอันดูดดื่ม
สามารถตั้งทีมได้ 4 คน แม้จะขาดสมาชิกไปอีกคน 
แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสม เราไม่แพ้ให้กับ ทีม Noob หน้าไหนแน่นอน
(สลัส นั่นมัน จัดทีมไป Dot )

จับเมนูกันมาอย่างว่องไว

แต่..............

เมนู แม่มเยอะไปไหน (ไข่ระเบิดในหัวเริ่ม เอนเอียง ละ)

ปรึกษาสมาชิกกันในทีมแต่ละคนสั่งดังนี้ 

1. ข้าวกระเพราไข่เยี่ยวม้า 
2. ข้าวหน้าไก่
3.ข้าวหมูทอด+ไข่ระเบิด (จานนี้ของตาตี่)
4.ข้าวหมูทอด+แกงกะหรี่+ไข่ระเบิด

หลังจากนั่งรำลึกและสาธยายถึงความ เทพ ในการเล่นเกมส์ ต่างๆแล้ว
เมนูแรกก็มา


ข้าวหมูทอดแกงกะหรี่+ไข่ระเบิด 
( ใหญ่และเยอะมาก เห็นแล้วตกใจ เหอๆ )

ไม่พอ ยังบอกอีกว่าทุกจานสามารถเติมข้าวได้เรื่อยๆ ฟรี 
( เห้ย !!!!!!  ฟรี มันดีตรงนี้อ่ะ แก )


ในใจคิดแย่งมัน 555 พร้อมช้อนที่ไวกว่าใจ พอเข้าปาก ปุ้บ

แกงกะหรี่กับหมูทอดอร่อยมากกกกกก พอตักไข่ระเบิดที่เราไม่ได้สั่ง เข้าปาก

อ้ามมมม อืมม........ รสชาติที่คุ้นเคย (มือเค้าไม่ตกจริงๆ )

ชิมไป สองคำ จานต่อไป ก็มา 


ข้าวกระเพราไข่เยี่ยวม้า

หน้าตาสวยงาม ไข่เยี่ยวม้า มาเป็น ลูกๆ


มีแซมเนื้อหมูสับมาด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ 


เอ้าเข้าปาก (รสชาติดี อันนี้ก็ไม่ใช่ของตัวเอง 5555)

ป่ะ จานต่อไป


ข้าวหน้าไก่

ดูจากในรูปเหมือนจะเล็กนะ 


แต่พอมองจากข้างๆ นิ ใหญ่ เหมือนกัน


รสชาติของเนื้อไก่ที่ผสมเข้ากับไข่ วนเวียนกันในปาก ค่อยๆผ่านลงคอ 
(ใจเย็นรอฟินกับของตัวเองดีกว่า ซิกๆ T-T )

ใครไม่เคยชิม ต้องลอง เห็นว่าเป็นเมนูใหม่ เพิ่งทำออกมา (โชคดี จุง )

จานของตาตี่ มาช้าสุด (T-T)


ข้าวหมูทอด+ไข่ระเบิด

รอมานาน คิดถึงก็เลยต้องมาาาาา ( ฮิ้ววววว   )


เนื้อหมูกรอบนอกนุ่มใน+ซอสไข่ระเบิด ที่ตามหามานาน

ค่อยๆ ละเลียดๆ รับรสชาติต่างๆ

โอ้ย ฟิน ...

หลังจากกินจบครบเรียบร้อย

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
1. ข้าวกระเพราไข่เยี่ยวม้า                       60 บาท
2. ข้าวหน้าไก่                                          70 บาท
3.ข้าวหมูทอด+ไข่ระเบิด                         60 บาท
4.ข้าวหมูทอด+แกงกะหรี่+ไข่ระเบิด        90 บาท (จัดหนักดีนัก )
น้ำเปล่า ฟรี  (มันดีตรงเนี้ย )

คะแนน
บรรยากาศ        =         สุดยอด
บริการ               =         สุดยอด
รสชาติ              =         สุดยอด
ราคา                 =         กลาง

คะแนนเต็ม 12 ได้ไป 11 

สรุป
    เป็นร้านที่อาหารทุกอย่างถูกปาก กินแล้วรู้สึกอยากกลับมากินอีก บรรยากาศร้านดี ตกแต่งร้านสวย แต่ขอบอกเลยว่า สำหรับคนที่ไม่เคยมากินร้านนี้ "ต้องลองมากินเมนูไข่ระเบิดให้ได้ แล้วจะหาว่าไม่บอก"

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รีวิว ร้านอาหารอุดรธานี EAT UP ( ข้าวกระทะร้อน )


          วันดีคืนดี ขับรถเล่นในอุดรธานี  ผ่านไปทางนี้ ตาตี่สี่ตา สังเกตุเห็นร้าน อาหาร เปิดใหม่ แต่ ทำไม้  ทำไม มันเขียนว่า D-dog (เอ้ะ รึว่าอุดรเรามีร้านอาหาร ปรุงสำเร็จ ให้ น้องหมา แบบ กทม แล้ว ) เมื่อ ลองมองมันดีๆแล้ว ,ร้านนี้มันสำหรับคนกิน นี่หว่า ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เลยต้องจัดสักหน่อย



          หากใครยังนึกไม่ออก ว่าร้านอยู่ตรงไหน ลองดูแผนที่ ด้านบนได้เลยครับเริ่มจากสี่แยก ชลประทาน วิ่งมาทาง สามแยก ทีโอที ร้านจะอยู่ขวามือ (หากหาชื่อร้านไม่เจอให้หาป้าย D-dog เด่นกว่าเยอะ) ร้านเปิด 11.00 - 21.00 น.


            บรรยากาศ หน้าร้านตกแต่งสวยงามตามท้องเรื่อง 


ภาพบรรยากาศ ภายในร้าน หากสังเกตุ จะเห็นประตูในรูปทางขวาบน 
ทางออก ไป ส่วนที่เป็น โซน อาหารสัตว์เลี้ยง


ภาพในร้าน อึกมุม


หาโต้ะได้เรียบร้อย เราก็ต้องสำรวจเมนู 
จะมีให้เลือกทั้ง ปลา หมู ไก่ เนื้อ (ใครชอบอะไรก็เอาอันนั้น) โดย เมนู วันนี้ ที่สั่งไป จะเป็น 
1. EATUP หมู (สมาชิก สั่ง )
2. EATUP ไข่ชีส (อันนี้ของตาตี่ อุอุ )

รอ ร้อ รอ ...



ระหว่างช่วงรอ ใครที่ เลี้ยงสัตว์  ก็ไปหาช้อปปิ้งรอได้เลยครับ

สักพัก อาหารก็ยกมาเสริฟ 


มาแล้วครับ EAT UP หมู 
ข้าว+หมู+ไข่ + น้ำซุป มาเป็นเซ็ท หน้าตาดี มีโรย ชีส มาด้วย 
(แต่สมาชิกที่มาด้วยไม่ชอบชีส T-T)


ซูมเข้าใกล้ซะหน่อย

 ถ่ายรูปไม่ทันเสร็จ อีกจานก็ตามมา 


EATUP ไข่ชีส 
มาพร้อมกับคำที่พนักงานเสริฟ บอกว่า คลุกให้เข้ากันระหว่างที่กระทะยังร้อน นะคะ
(สตั้นไป 10 วิ ถ่ายรูปแปปเดียว กระทะมันจะยังร้อนอยู่มั้ยน้า แล้วจะคลุกไงดีน้า )


ข้าวน่าจะเป็นข้าวผัดกระเทียมนะ (ตอนชิมตาตี่ ว่าน่าจะใช่ ) โรยข้าวโพดมาด้านบน


ซุปจะเป็น ซุปมันฝรั่ง+แครอท ซดง่ายคล่องคอ 


ตอนจะคลุกเนี่ยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ดีนะเจ้าของร้านรู้ทัน ตั้งตัวช่วยไว้ที่โต้ะ (มั่นใจขึ้นอีกเยอะ)


ใครอยากให้มีรสชาติ เข้มข้น ขึ้นทางไหน สามารถใส่เครื่องปรุงเพิ่ม ตามต้องการได้เลย

เอ้า คลุกๆ ๆ ๆ ๆ


หวาววววววววววววว หลังจากคลุกแล้ว  


เวลาตักมันจะมีชีส ยืด ย้อย มาแบบนี้นั่นแล  (คนรักชีส ต้องมาลอง )

หลังจากกินครบจบเรียบร้อย

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

1. EATUP หมู  95 บาท
2. EATUP ไข่ชีส 95 บาท
3. น้ำเปล่า 10-15 บาท (จำราคาไม่ได้)

สรุป 

     เป็นร้านอาหารที่คนชอบชีส แนะนำให้มาลอง สักครั้ง (สมาชิกที่ไปกับตาตี่ ไม่ชอบกินชีส บ่นไม่หยุด หลังออกจากร้านเพราะไม่คิดว่าเค้าจะโรยชีส มาในจานหมู ) 

คะแนน 

1.บรรยากาศในร้าน     =  สุดยอด

2.การบริการ                =  เฉยๆ

3,ราคา                        =  แพง

4.รสชาติ                     =  เฉยๆ

คะแนนเต็ม 12 ได้ไป  8 







วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รีวิวหนังสือ จงแต่งตั้ง ภรรยาของคุณเป็นประธาน บริษัท

    ด้วยหน้าปกเรียบง่ายแต่มีตัวหนังสือเด่นสะดุดตาออกมาพร้อมคำโปรยที่บอกว่า
จงแต่งตั้ง ภรรยา (เมีย 555) เป็นประธานบริษัท  
มีตัวหนังสือเล็กๆ ว่าคุณจะค้นพบทางลัดสู่ความมั่งคั่ง (นั่นแหน่ ) 
ภายในบ้านของคุณเอง (จิงง่ะ ?)

คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ ทำไมฟระ !!!!!!!!

เอาล่ะ คุณเรียกร้องความสนใจคนใส่แว่นได้ละ หยิบมาเปิดเปิดดู สักหน่อย

     เป็นหนังสือ ที่แต่งโดยคนญี่ปุ่น ชื่อ ซะกะชิตะ จิน เกริ่นเรื่องมา ผู้เขียนทำงาน ธนาคารที่เป็นธนาคารใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ในตำแหน่ง ที่ปรึกษาทางการเงิน มาเป็นระยะเวลา 20 ปี ชีวิตก็เหมือนประชาชนชาว ญี่ปุ่นทั่วไป ที่สามีทำงาน ภรรยา เป็นแม่บ้าน อีตาคนเขียน มีความคิดว่า ทำงานมาก็นาน ประสบการณ์ก็เยอะ เลยนำเงินไปลงทุน ในหุ้น (ชีวิตดี้ดี ) สรุปขาดทุน เจ้งบ๊ง ไม่เป็นท่า เงินเก็บที่เตรียมไว้สำหรับเกษียณหายวับไปกับตา แต่แล้ว พอแต่งตั้งภรรยา เป็นประธานบริษัท เรียบร้อยแล้ว ชีวิต ก็ดีขึ้นทันตาเห็น จากติดลบ กลายเป็นเหลือใช้ จากเหลือใช้ กลายเป็นเศรษฐี เลยนะทั่น ตัดจบ พรึ่บ (สลัด ประธานไรก็ไม่บอก ครั้นจะยืนอ่านต่อก็ เด่ว พนักงานจะว่าเอา จัดไป !!!!!! ดูดิ้ จะมีอะไรดี)

หลังจากอ่านจบ สรุปคร่าวๆได้ดังนี้
      หนังสือช่วงแรกจะเน้นพูดถึงเรื่องของการวางแผนทางภาษี โดยใช้ภรรยา ช่วยกระจายฐานภาษี ต่อมา จะสลับ สอดแทรก ข้อดี ของการที่ ให้ภรรยาเป็นผู้ทำธุรกิจ จากนั้นจะแนะนำ การเลือกธุรกิจ ที่สามารถทำได้ (โดยธุรกิจที่ผู้เขียนเลือกให้ภรรยาทำคือการลงทุน อสังหาริมทรัพย์) แถมมีการพูดถึงเรื่อง การควบคุม ใช้จ่ายหรือการใช้ เงินในชีวิตประจำวัน และก่อนจะจบในช่วงท้ายชี้ให้เห็นถึงการวางเป้าหมายทางการเงินร่วมกัน ดียังไงอีกด้วย

ส่วนตัวคิดว่า
      อ่านแล้วไม่อินเท่าไหร่อาจเพราะ สภาพแวดล้อมหรือปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่เหมือนกับประเทศไทยแต่แนวคิดที่ว่า ให้หมั่นพัฒนาความรู้ หรือการชี้นำภรรยาให้เป็นโต้โผหลักในการทำธุรกิจนั้น เป็นแผนที่แยบยลจริงๆ เหอๆ ( นอนใช้เงิน สบายยยย 555 )

ตกผลึกจากหนังสือได้ดังนี้
1       1. ไม่ว่าคุณจะมีรายได้จากเงินเดือน หรือ ธุรกิจ คุณต้องวางแผนภาษี
         2. ภรรยาที่เป็นแม่บ้าน เก่งกว่าที่สามีคิด ในเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจ

         3 . เมื่อภรรยามีเป้าหมายทางการเงิน ตรงกับสามี จะทำให้เข้าใจกันและกันมากขึ้น