วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561

เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ) 7 วัน โดยใช้ Kansai-Hokuriku Area Pass (วันที่ -4) - Shirakawago

ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพื่อให้ทันรถตามแผน

แผนก็คือ เราจะไปเที่ยว แบบ 1 day trip 

ไปกลับ Osaka - Shirakawago นั่นเอง

โดยเริ่ม

ออกจาก Shin osaka (ุ6.34)> Kanazawa (ุ9.13)

จากนั้นเปลียนมานั่งรถบัส 

Kanazawa (ุ9.40)> Shirakawago (ุ11.05)

(ทุกอย่างต้องห้ามพลาด เพราะนี่คือ Event)





พอมาถึงสถานี Kanazawa ก็เดินออกมาเลี้ยวซ้ายมานิดนึง

ก็จะเจอจุดจอดรถ bus 

อยู่ใกล้ๆ ร้านกาแฟนี่แหละ


เมื่อขึ้นรถมาก็นั่งดูวิว ข้างทางไปเรื่อยๆ


หิมะเริ่มหนา ละ


รถก็เริ่มขับเข้าไปในหุบเขา วันนี้หิมะตกหนักมาก


นั่งเพลินๆ ถ่ายรูปไปไม่นานก็ถึง จุดจอดรถบัส


 ให้ตายเถอะ หนาว

หนาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คนที่มาที่นี่ นั่ง อยู่ใน ห้องจุดพักรถหมดเลย

แต่ๆๆ มาขนาดนี้ เอาไงเอากัน นะ

รถ nohi bus จะจอดที่ จุดวงกลม ที่ 1 
(ถ้ามากับทัว จะไปจอดอีกที่นึง)

เป้าหมายของเราคือ จุดชมวิว (2) กับที่ถ่ายรูปบ้านสามหลัง (3)

เราเดินตรงเข้า หมู่บ้าน 


จากนั้นให้มองทางซ้าย จะเจอจุดจอดรถบัส เพื่อ พาขึ้นไปยังจุดชมวิว

หรือถ้าฟิต จะเดินก็ไม่ว่ากัน

ส่วนตาตี่ น่ะ เร๋อ ขึ้นรถสิครับ


จากจุดชมวิว มาแล้ว ห้ามพลาดเด็ดขาด

นี่มัน สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

อยากให้ทุกคน มาเห็นด้วยตาตัวเอง

จากนั้น เราก็ ลงมาเดินเล่นในหมู่บ้าน 

ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ให้เดินเข้าไปดู เรื่อยๆ


แต่ละบ้านเค้าจะมีที่ฉีดน้ำหน้าบ้าน ให้น้ำไหล

เพื่อไม่ให้หิมะเกาะ ถนนหน้าบ้านด้วย
(เพิ่งเคยเห็น)

ช่วงที่มานี้ หิมะ สูงมาก 


แต่ทางเท้าที่เดินก็ไม่ได้ลำบากเลย


ดูจากหิมะที่ตกลงหลังคาแล้ว 

ในบ้านไม่ต้องพูดถึง


บ้านรูปแบบ มรดก โลก
(เรียกชื่อไม่ถูก 555 )


เอะใจขึ้นมาได้ว่า ที่นี่มันมีสะพานแขวนนี่หน่า

เดินตามล่าหาซะหน่อย


เชื่อมั้ย พอไปยืนกลางสะพานนะ

ทึ่ง ในความอลังการของบรรยากาศ จริงๆ


สวย หนาว เหงา 

และ ยิ่งใหญ่มากๆ


สมชื่อ !!!!! คือคำที่คิดขึ้นมาในหัว 


 เอาให้สุดกับบรรยากาศ 

จากนั้น เราจะไปเดินตามล่า บ้านสามหลังกัน

ระหว่างนี สมาชิก อ้อนวอน ขอชีวิต ละ

เลยแอบไปพักเบรค ที่จุดพักรถแปป นุง


ระหว่างนั้น เจอร้าน ขายอาหาร

เลย แวะเข้าไป 

เจอ อาเจ้ เจ้าของร้าน

พูด ภาษาอื่นไม่ได้เลย

(T-T)



หิมะก็ตกหนัก เลยจำเป็น ต้องสั่งชาเขียวแบบ งูๆปลาๆ

พร้อม ขนมหวานมาทานเคียง

แต่ดีเกินคาด
(เสียดายไม่ได้ถ่ายไว้)


เมื่อร่างกายพร้อม 

เราก็เริ่มเดินต่อ 

เพราะถ้าย้อนขึ้นไปดูในแผนที่ 

จุด 1 และ 3 ห่างกันสุดขั้วเลย


 หิมะที่ตกหนัก เริ่มบั่นทอน จิตใจไปเรื่อยๆ

เมื่อไหร่จะไปถึงน้อ


เห้ยยยยย เจอแล้ว

นี่ไงบ้านสามหลัง


เอ!!!  

แต่ทำไม ไม่เหมือนในรูป เลยฟระ 

สงสัย หิมะตก เค้าไม่ตัดต้นไม้

เอ้า ถ่ายรูปๆ แล้วกลับเถอะ
หนาว 
(มีเสียงดังขึ้นมาจากผู้ร่วมทาง)

ทัวเริ่มมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ

แม้อากาศจะหนาวจับใจ



เอาละ เดินเล่นท่องเที่ยว

จนหนำใจแล้ว 

ไปหารถกลับ Osaka 

แล้วไปหาไรกินกันเถอะ

แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ด้วยความคิดที่ว่า เป็นเมืองท่องเที่ยว

ยังไงก็ต้องมีรถบัสกลับ แน่นอน

จึงจองแต่ขามา

ซึ่งขากลับมันหมด 

เอาล่ะสิ งานเข้าหนักมาก

แต่เหมือน สวรรค์ยังไม่ได้ใจร้ายมากมาย

โชคดีชั้นที่ 1 ก็คือ เจ้าหน้าที่ บอกว่า

มีแต่รถ จาก Shirakawago > Toyama

โชคดีชั้นที่ 2 ก็คือ พาสรถไฟนี้ มันครอบคลุม

เอ้า เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สำหรับคนที่จะตามรอย 

อย่าทำแบบตาตี่สี่ตาเด็ดขาด

(จองรถให้จองไป - กลับ เลย ขอย้ำเพราคุณอาจไม่โชคดี)

เอาล่ะกลับไปหาไรกินที่ Osaka แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเกียวโตกัน

ลาก่อน Shirakawago เมืองแห่งความฝันที่มีอยู่จริง

วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ) 7 วัน โดยใช้ Kansai-Hokuriku Area Pass (วันที่ -3) - Nara - Kobe

แปปเดียวผ่านมา 2 วันแล้ว นะครับ
วันนี้ตามแผน ตาตี่สี่ตา จะตื่นแต่เช้าไปเที่ยว โกเบ 

แล้วแวะมากินเนื้อโกเบมื้อเที่ยง
ที่ ร้าน steakland อันโด่งดัง 

จากนั้น จึงค่อยไปเที่ยวนารา แล้วค่อย วกกลับมาเก็บบรรยากาศ
 ยามค่ำคืน ที่ อ่าวโกเบ

แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจาก การเดินทางที่ผ่านมา 2 วัน ทำให้ร่างกาย

มันประท้วง + มีไข้อ่อนๆ

อีกทั้ง ตอนจะลุกมันก็ ขอนอนต่อเอาดื้อๆ
ทำให้เราต้องมีการปรับแผนกันหน้างาน เนี่ยแหละ
(แต่ก็อย่างว่า การไม่ fix อะไรมากเกินไป เนี่ยแหละมีนคือความสบายของการเที่ยวเอง)


เราจึงต้อง ดริบแผนกันใหม่หมด
เพราตื่นก็ จะ 11 โมงแล้ว

เริ่มจาก เดินทางไปกินเนื้อโกเบ อันเลื่องลือ ก่อนจาก osaka > kobe
ถ้าเรานั่ง shinkansen จาก shin-osaka > shin-kobe ใช้เวลา แค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง

ซึ่งตามแผน ตาตี่สี่ตา ก็จะไป เส้นทางนี้แล้วเดิน 
เที่ยวลงมาที่ สถานี sannomiya
แล้วค่อยมองหา ร้าน steak land ว่ามันอยู่แถวไหน

แต่เมื่อแผนปลี่ยนไป 

เราจึง ปรับการเดินทาง ไปลงที่ สถานี sannomiya เลย
แต่ว่าเราต้องไปเริ่มที่สถานี Osakaกัน

ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที่ ก็ถึง

แต่เดินวนหลงหาตั้งนาน

โชคดีที่ google map มันไม่หลอกเรา
( ชอบคุณ เทคโนโลยี แต่ก็ใช้เวลาพอสมควร)

เจอแล้นนนนนนนนนน

ไปอ่านเต็มๆ กันด้านล่างเลยครับ
รีวิว ร้านอาหาร steakland + วิธีเดินทาง

หลังจากเราเจอของอร่อยแสนประทับใจกันไปแล้ว
ก็ต้องรีบไปนารา กันแล้วล่ะครับ

เนื่องจาก กลัว วัดพระใหญ่จะปิด
ส่วนการเดินทางน่ะเหรอ

นั่งกันยาวๆ 1 ชั่วโมง
สักพักเราก็จะถึงสถานี nara

ให้เดินออกมาข้างหน้าเรื่อยๆ

โดยการเดินทางในเมือง นารา จะใช้รถบัสเป็นหลัก

ค่าตั๋วจะอยู่ที่ รสบัส (1-Day Pass) ราคา 500 เยน /ราคาต่อเที่ยว  200 เยน

เวลาใช้แล้วจะมีลงวันที่ไว้

(ไม่ได้ถ่ายไว้ copy เค้ามา 555)
ถ้าพูดถึงนารา ใครไม่เจอกวาง หรือ วัดพระใหญ่ ถือว่ายังมาไม่ถึง
เพราะฉะนั้น เราต้องไป !!!!!

 เพราะ ??? 
อะไรน่ะ เร๋อออออ
(เพราะเราอยากถึงเหอๆ )
หลังจากมีตั๋ว เรียบร้อย เราก็นั่ง รถบัส 
ไปลงที่สถานี Daibutsuden kasuga taisha mae

ลงมาจะงงๆ หน่อยไม่ต้องตกใจ ให้มองฝูงชนเข้าไว้

นั่นไง!!! ขาดคำที่ไหน
น้องกวาง โผล่มา
 เหมือน สัตว์เลี้ยงบางอย่างแถวบ้านเรา
 (หมานั่นแหละ !!!)
มองหา วัดพระใหญ่ ก่อน เราก็จะเดินๆๆ
 เข้าไปจะเจอประตูใหญ่

ในรูปคือที่ เค้า กำลังสร้างนั่นแหละ  แต่นี่คือด้านหลัง
(ด้านหน้า ไม่ได้ถ่าย รีบจัด ถ้าจำไม่ผิด เดินเข้าปุ้บ ประตูปิดปั้บเลิกขายตั๋วทันที)

โชว์ ตั๋ว ซะหน่อย เสียค่าเข้า คนละ 500 เยน

ข้างๆ ประตู จะมีรูปปั้น เทพ เฝ้าประตู

ความเท่ แตกต่างกันอยู่ นะ
(อย่าถามชื่อ เพราะไม่รู้เหมือนกัน )


ผ่านประตูมาเราก็เดิน มุ่งตรงเข้าไปเลยยยย

นี่แหละตัว วัดพระใหญ่
เดินเข้าไป จะเจอ พระใหญ่ !!!!

อยู่ ทางเข้าเลยครับ

ลองเทียบกับคน สิ้  ว่าใหญ่แค่ไหน

หรือ เพิ่มระดับ สเกล ความใหญ่ เข้าไป อีก

มีป้ายให้เราซื้อเขียน ขอพร ด้วยนะครับ

เดินดูสักพัก เอาให้อิ่มใจ เราก็ถึงเวลาต้องออก

ซึ่งทางออกจะอยู่ คนละทางกับทางเข้า

เชื่อมั้ยว่าการมาวัดพระใหญ่ ครั้งนี้ 
ตาตี่สี่ตา จะตัดออกจากโปรแกรม
เรียบร้อยแล้ว 

เพราะจากการหาข้อมูล ใน internet นั้น เมืองนารา เหมือนไม่มีอะไร
(ซึ่งคิดผิดมหันต์)

แต่การมาวัดพระใหญ่ครั้งนี้  ตาตี่สี่ตา 
ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ

บางทีรูปถ่าย กับการ มาเห็นด้วยตา 
คนละเรื่องๆ จริงๆ

ใครที่กำลังลังเล อยู่ 
จัดวัดนี้ ลงไปในโปรแกรมเลยครับ

ตาตี่สี่ตา ขอ !!!!!
(อ้อนวอนก็ยอม)

ออกมาก็เจอ น้องกวาง มาส่งลา 
เพื่อเราจะได้ จากนารา ไป ซะที
(โชคไม่ดี เงินไม่มีให้ขนมเซมเบ้)

 เราก็นั่งรถบัสกลับ มาที่ JR กัน 
เพื่อที่จะไป โกเบ 
(อีกสักครั้ง T_T)

ไปครับ ไหนๆ เนื้อโกเบ ก็กินไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องรีบ
เดินทางกันยาวๆ 

คล้อยไม่นาน ก็ ถึง

อันดับแรก เราจะไปถ่ายรูปกับ หุ่นยนต์เหล็ก Tetsujin หมายเลข 28
(Landmark เลยนะ เฟ้ยยย )

โดยต่อรถ จาก สถานี sannomiya > shin nagata

ให้เดิน ออกมาทางออก Exit  1 อ้อมตึกมา นิด

ก็จะเจอ
(หนาวมากกกกกกก)

อั้ก ความหนาว เข้า ถาโถม
ยิ่งใหญ่ อลังการสมคำร่ำลือ

เก็บ RC ที่ 1 ได้แล้ว

ต้องไป ต่อ
จุดที่ต้องไปถ่ายรูป ยามค่ำคืน

ของ โกเบบบบบ คือออออออออออ
(พูดดดด)

ตึกที่ประดับไปด้วยไฟต่าง  
ย่านท่าเรือ หรือ kobe port tower นั่นเอง

ให้เดินทาง จากสถานี
Shin nagata > kobe

จากนั้นให้เดินขึ้นไปที่ ห้าง mosiac

          ใช้เวลาสักพัก
( แต่ความหนาว ไม่อยากใช้เวลากับมันเลยยย)

เริ่มเห็นห้างละ

มีป้าย Mosaic ละชิงช้าสวรรค์แล้ววว
(ไหน ล่ะที่มุมที่เค้าถ่ายกัน ??)
((ใจเย็น มันต้องเข้าไปอีก หนาวก็ทน เพราะเรามาไกล))

เดินเข้าไปเรื่อยๆ
ก็จะเจอ

ในที่สุดดดดดดดด เราก็เจอออออ

เสพย์ บรรยากาศ ยามค่ำคืนให้เพียงพอ
(ที่ยอมทนหนาวเพราะ สิ่งนี้)

สวยจริง ไรจริง
แต่คืนนี้ไม่ไหวแล้ว ต้องรีบกลับ ไปพักผ่อน
เพราะพรุ่งนี้ ตาตี่สี่ตา จะไป เล่น หิมะ กัน แล้วววว

ที่ไหน นะเร๋อออ ชิราคาวาโกะ น่ะเสะ!!!

ร่ำลากันที่ภาพมุมไกลของอ่าวละกันครับ

โอ้ว หิมะ จงมา  !!!!!!!!

>>>>เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ) 7 วัน โดยใช้ Kansai-Hokuriku Area Pass (วันที่ -4) - Shirakawago <<<<